อัปเดตเทรนด์ หุ่นยนต์โรงพยาบาล 2025: ฟีเจอร์ & เพื่อนร่วมทีมยุคใหม่

หุ่นยนต์โรงพยาบาล, หุ่นยนต์ทางการแพทย์, เทรนด์โรงพยาบาล 2025, หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด, หุ่นยนต์บริการ, AI ทางการแพทย์, นวัตกรรมโรงพยาบาล, da Vinci Xi, YBot, Digital Health

หุ่นยนต์โรงพยาบาลปี 2025: เมื่อหุ่นยนต์ไม่ได้มาแทนที่ แต่มาเป็น 'เพื่อนร่วมทีม' ของหมอและพยาบาล 🤖❤️

เจาะลึกเทรนด์ล่าสุดและฟีเจอร์เด่นของหุ่นยนต์ทางการแพทย์ในปี 2025 ที่จะเข้ามาปฏิวัติวงการโรงพยาบาล เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดภาระงาน และยกระดับประสบการณ์ผู้ป่วยสู่ยุคใหม่ของการดูแลสุขภาพอัจฉริยะ

ปี 2025 ถือเป็นปีที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่แค่แนวคิดอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่โรงพยาบาลทั่วโลกและในประเทศไทยนำมาปรับใช้อย่างจริงจัง เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านบุคลากรทางการแพทย์ สังคมผู้สูงอายุ และความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น เทรนด์สำคัญคือการผสานหุ่นยนต์เข้ากับ AI, 5G, และ Digital Twins เพื่อสร้างระบบนิเวศการรักษาที่ชาญฉลาด แม่นยำ และเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ

เลือกอ่าน

da Vinci Xi

1. หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Surgical Robots): แม่นยำยิ่งกว่าด้วย AI และ Haptic Feedback

หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง โดยในปี 2025 จะมีฟีเจอร์ที่ล้ำหน้าไปอีกขั้น

  • AI-Powered Guidance: หุ่นยนต์อย่าง da Vinci Xi ซึ่งมีการใช้งานในโรงพยาบาลชั้นนำของไทย จะผสาน AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ภาพจากกล้อง 3D daVinci Xi | AIMIS Healthcare Group HD ที่ขยายได้ถึง 10-15 เท่าแบบเรียลไทม์ AI จะช่วยแจ้งเตือนศัลยแพทย์ถึงตำแหน่งของเส้นเลือดหรือเนื้อเยื่อสำคัญที่มองด้วยตาเปล่าได้ยาก ลดความเสี่ยงและเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัดที่ซับซ้อน

  • Haptic Feedback (การตอบสนองแบบสัมผัส): เทรนด์ใหม่ที่กำลังจะมาถึงคือการที่แขนกลของหุ่นยนต์สามารถส่งแรงต้านกลับมายังมือของศัลยแพทย์ได้ ทำให้แพทย์รู้สึกถึงแรงตึงหรือความแข็งของเนื้อเยื่อเสมือนใช้มือผ่าตัดเองโดยตรง เพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการผ่าตัด

  • Miniaturization (การย่อส่วน): หุ่นยนต์ผ่าตัดรุ่นใหม่จะมีขนาดเล็กลง สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่แคบและซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก (Micro-Invasive Surgery) ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล
  • Digital Twins: มีการสร้างแบบจำลองดิจิทัลของผู้ป่วยและอวัยวะที่ต้องการผ่าตัด ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถวางแผนและซ้อมการผ่าตัดในโลกเสมือนจริงก่อนลงมือจริง เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดและลดความผิดพลาด
หุ่นยนต์ส่งยาในโรงพยาบาล, หุ่นยนต์ส่งของในโรงพยาบาล, หุ่นยนต์ส่งเวชภัณฑ์

2. ทีมหลังบ้านสุดขยัน: หุ่นยนต์ขนส่งที่ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย

หุ่นยนต์ขนส่ง หรือที่มักเรียกว่า AGV (Automated Guided Vehicle) หรือ AMR (Autonomous Mobile Robot) คือหุ่นยนต์ที่มุ่งเน้นการ "ขนส่งสิ่งของ" เป็นหลัก เพื่อลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเบื้องหลัง (Back-office) ของโรงพยาบาล

หน้าที่หลัก:

  • ขนส่งยาและเวชภัณฑ์: หุ่นยนต์ส่งยา นำส่งยาจากห้องยาไปยังแผนกผู้ป่วยต่างๆ อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • ขนส่งสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ: นำส่งตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ หรือชิ้นเนื้อไปยังห้องแล็บ โดยรักษาความปลอดภัยและป้องกันการปนเปื้อน
  • จัดส่งอาหาร: ขนส่งถาดอาหารจากครัวไปยังหอผู้ป่วย
  • จัดการผ้าและของใช้: ขนส่งผ้าสะอาดไปยังแผนกต่างๆ และเก็บรวบรวมผ้าที่ใช้แล้วกลับมายังห้องซักรีด
  • ขนส่งขยะติดเชื้อ: จัดการขนย้ายขยะติดเชื้อจากพื้นที่ดูแลผู้ป่วยไปยังจุดกำจัดอย่างปลอดภัย

 

ความเจ๋งของน้องๆ อยู่ตรงนี้:

  • เดินได้เอง มีตาเลเซอร์สุดฉลาด (LiDAR): ไม่ต้องมีเส้นนำทางให้วุ่นวาย น้องหุ่นยนต์จะสร้างแผนที่และเดินหลบหลีกผู้คนได้เอง แถมยังฉลาดพอที่จะ เรียกลิฟต์ขึ้น-ลงระหว่างชั้นได้ด้วย!
  • การเชื่อมต่อกับอาคาร (Building Integration): สามารถสื่อสารกับระบบของอาคาร เช่น การเชื่อมต่อหุ่นยนต์กับลิฟต์ สามารถเรียกลิฟต์ได้เองเพื่อขึ้น-ลงระหว่างชั้น (Lift Integration)  หรือการเชื่อมต่อหุ่นยนต์กับประตูออโต้ เพื่อสั่งเปิดประตูอัตโนมัติได้เองไม่ต้องใช้รหัสในการเข้า
  • ส่งของทีเดียว 4 จุดในรอบเดียว: อย่างหุ่นยนต์ YBot ที่มีช่องเก็บของถึง 4 ช่องพร้อมฝาปิดมิดชิด วิ่งรอบเดียวจบ ส่งของได้ถึง 4 ที่ ช่วยประหยัดเวลาให้พี่ๆ พยาบาลไปดูแลคนไข้ได้เต็มๆ
  • สะอาด ปลอดภัยขั้นสุด: ตู้เก็บของปิดอย่างดี ต้องใช้รหัสหรือบัตรถึงจะเปิดได้ บางรุ่นมี แสง UV-C ฆ่าเชื้อ ภายในตู้ด้วย มั่นใจได้เลยว่าทุกอย่างที่ขนส่งสะอาดปลอดภัย 100%
หุ่นยนต์ต้อนรับและนำทาง, หุ่นยนต์ Telepresence, หุ่นยนต์ให้ขอมูลคนไข้, หุ่นยนต์คัดกรองคนไข้, หุ่นยนต์ประชาสัมพันธ์

3. หุ่นยนต์บริการ (Service Robots): ที่พร้อมดูแลคุณอย่างใกล้ชิด

หุ่นยนต์บริการ คือหุ่นยนต์ที่เน้นการ "ปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์" โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย, ญาติ, หรือบุคลากรทางการแพทย์ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนหน้า (Front-facing) เพื่อยกระดับประสบการณ์และอำนวยความสะดวก

หน้าที่หลัก:

  • ต้อนรับและนำทาง: ให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่ผู้มาติดต่อ, แนะนำเส้นทางไปยังแผนกต่างๆ, หรือพาผู้ป่วยไปยังห้องตรวจ
  • อำนวยความสะดวกผู้ป่วยในห้องพัก: ช่วยส่งของใช้เล็กๆ น้อยๆ, เป็นเพื่อนพูดคุยแก้เหงา, หรือแจ้งเตือนตารางกินยา
  • ผู้ช่วยแพทย์ทางไกล (Telepresence): ติดตั้งหน้าจอและกล้องคุณภาพสูง ทำให้แพทย์สามารถพูดคุยและตรวจดูอาการผู้ป่วยจากระยะไกลได้ (Telemedicine) เหมาะสำหรับใช้ในหอผู้ป่วยติดเชื้อหรือให้คำปรึกษาข้ามโรงพยาบาล
  • ตรวจวัดสัญญาณชีพเบื้องต้น: หุ่นยนต์บางรุ่นสามารถวัดอุณหภูมิ, อัตราการเต้นของหัวใจ, หรือความดันโลหิตเบื้องต้น และส่งข้อมูลเข้าระบบเวชระเบียนของผู้ป่วย (EHR) ได้ทันที
  • ให้ข้อมูลด้านสุขภาพ: สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ หรือข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆ พูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วย AI ขั้นสูง เสมือนได้คุยกับบุคคลากรทางการแพทย์จริงๆ

ฟีเจอร์เด่นของหุ่นยนต์บริการ (เน้นการปฏิสัมพันธ์และสื่อสาร):

  • หน้าจอสัมผัสอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive Touchscreen): สำหรับแสดงข้อมูล, วิดีโอคอล, และรับคำสั่งจากผู้ใช้งาน
  • ระบบจดจำใบหน้าและเสียง (Face & Voice Recognition): สามารถจดจำผู้ป่วยหรือบุคลากรเพื่อทักทายและให้บริการที่เฉพาะเจาะจงได้
  • การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication): มีไมโครโฟนและลำโพงคุณภาพสูงเพื่อการสนทนาที่ชัดเจน
  • การออกแบบที่เป็นมิตร (Friendly Design): มีรูปลักษณ์ที่น่ารัก ไม่ดูเป็นเครื่องจักรจนเกินไป เพื่อลดความกังวลและสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุ
  • เซ็นเซอร์เพื่อการดูแล (Care-giving Sensors): ติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อน (Thermal Camera) หรือเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อตรวจจับสัญญาณชีพหรือเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น การล้มของผู้ป่วย

4. หุ่นยนต์ฟื้นฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation Robots): คืนชีวิตให้ผู้ป่วย

เทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อการฟื้นฟูมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และผู้ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว

หุ่นยนต์ฝึกเดิน (Gait Training Robots): ในประเทศไทยเองก็มีนวัตกรรมอย่าง "Sensible STEP" หุ่นยนต์ฝึกเดินฝีมือคนไทย ที่ช่วยผู้ป่วยสโตรกฝึกเดินตามหลักการ Locomotor Therapy ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสกลับมาเดินได้ถึง 3 เท่า

ฟีเจอร์สำคัญ:

  • Bio-Signal Sensors: หุ่นยนต์อย่าง Cyberdyne HAL (Hybrid Assistive Limb) ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าชีวภาพที่สมองสั่งการมายังกล้ามเนื้อ (Bio-electrical signals) แล้วช่วยขยับร่างกายตามความตั้งใจของผู้ป่วย เป็นการเชื่อมโยงการทำงานของสมองและร่างกายอีกครั้ง
  • Gamification: โปรแกรมการฟื้นฟูถูกออกแบบมาในรูปแบบเกม เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสนุกและมีแรงจูงใจในการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง

เทรนด์น่าจับตาอื่นๆ ในปี 2025

  • AI ในการวินิจฉัยโรค (AI for Diagnostics): AI จะกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของรังสีแพทย์ในการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ เช่น CT Scan, MRI โดยสามารถตรวจจับความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจบ่งชี้ถึงมะเร็งหรือโรคอื่นๆ ในระยะเริ่มต้นได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วกว่ามนุษย์ 
  • หุ่นยนต์ผู้ช่วยดูแลผู้ป่วย (Patient Care & Companion Robots): หุ่นยนต์ที่สามารถพูดคุยโต้ตอบ ตรวจวัดสัญญาณชีพเบื้องต้น (อุณหภูมิ, ความดัน) และเชื่อมต่อระบบ Telemedicine เพื่อให้ผู้ป่วยปรึกษาแพทย์ทางไกลได้ทันที เริ่มมีการนำมาใช้เพื่อลดความเหงาและติดตามอาการของผู้สูงอายุ 
  • นาโนโรบอท (Nanorobotics): แม้จะยังอยู่ในการวิจัยเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปี 2025 คาดว่าจะเห็นการทดลองทางคลินิกมากขึ้น โดยนาโนโรบอทขนาดจิ๋วระดับเซลล์จะถูกส่งเข้าไปในกระแสเลือดเพื่อเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น การนำส่งยาไปยังเซลล์มะเร็งโดยตรง หรือการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย

สรุปทิศทางในประเทศไทย

กระทรวงสาธารณสุขของไทยได้วางแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และ AI อย่างชัดเจน โดยมีแผน 3 ระยะ (2568-2572) เพื่อพัฒนาบุคลากร ขยายบริการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ไปยังโรงพยาบาลต่างๆ และสร้างความยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical & Wellness Hub)

การเข้ามาของหุ่นยนต์เพื่อธุรกิจโรงพยาบาลในปี 2025 ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การแทนที่บุคลากรทางการแพทย์ แต่เป็นการ "เสริมศักยภาพ" ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และแม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อให้บุคลากรมนุษย์สามารถทุ่มเทเวลาและสติปัญญาไปกับการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแพทย์ได้อย่างเต็มศักยภาพสูงสุด

สนใจทดสอบหุ่นยนต์

กรุณากรอกข้อมูลของท่านให้ครบถ้วน

คอนเทนต์อื่นๆที่น่าสนใจ

Salvator Tech ร่วมกิจกรรม มจพ. แนะนำหุ่นยนต์เพื่อการศึกษา Kebbi Salvator Tech joins KMUTNB activity to introduce Kebbi educational robot
News and Events

Salvator Tech ร่วมกิจกรรม มจพ. แนะนำหุ่นยนต์เพื่อการศึกษา Kebbi

ซัลวาทอร์ เทค เดินหน้าสนับสนุนการศึกษาไทย ด้วยหุ่นยนต์เต็มรูปแบบ ร่วมกิจกรรมเปิดบ้าน Open House กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ หรือ มจพ.วิทยาเขตระยอง พร้อมจัดแสดงนวัตกรรม หุ่นยนต์เพื่อ..
อ่านต่อ
Computer Union จับมือ Salvator Tech ใช้หุ่นยนต์ Generative Ai Computer Union partners with Salvator Tech to use Generative AI robots
News and Events

Computer Union จับมือ Salvator Tech ใช้หุ่นยนต์ Generative Ai

คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน ผู้นำบริการซอฟต์แวร์ชั้นนำของไทย จัดงาน CU Executive Partner Kickoff 2024 เชิญพาร์ทเนอร์มาร่วมฟังนโยบาย วิสัยทัศน์ และทิศทาง การขับเคลื่อนธุรกิจ
อ่านต่อ